บทความ
การที่คนเราได้ยินเสียง เพราะมีคลื่นเสียงผ่านอากาศมากระทบกับหูของเรา
เสียงที่เราได้ยินมาจากแหล่งเกิดเสียงต่างๆ ได้แก่ เสียงของคน สัตว์
เสียงวัตถุกระทบกัน แต่ละเสียงมีความหมายที่สื่อสารถึงกัน
หรือนำเสียงเหล่านั้นมาใช้ประ โยชน์ เช่น เสียงคนหรือสัตว์
จะบอกความรู้สึกอารมณ์ขณะเปล่งเสียง เราจะได้ยินเสียงของคนหัวเราะ
แสดงอารมณ์เบิกบานใจ เสียงร้องไห้ บอกถึงความเสียใจ เศร้าใจ วิตกกังวล
การพูดเสียงดังหรือตะโกน หวีดร้องอาจจะเป็นเสียงที่บอกถึงความตกใจ ไม่พอใจ
มีอารมณ์โกรธ แต่เสียงตะโกนก้องกระหึ่มของการเชียร์กีฬา จะบอกถึงความสนุกสนาน
สัตว์ก็มีเสียงที่เปล่งหรือร้อง
สื่อความรู้สึกตามสัญชาติหรือธรรมชาติของมันเช่นกัน เช่นเสียงร้องเพราะหิว ตกใจ
หวาดกลัว หาคู่ ฯลฯ เสียงธรรมชาติรอบตัว ได้แก่ เสียงลมพัด เสียงน้ำไหล
เสียงคลื่นในทะเล เสียงที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือกระทำ เช่นเสียงดนตรี เสียงตอกไม้
เสียงตีกลอง ฯลฯ เสียงเหล่านี้เด็กจะได้รู้ได้ยินผ่านในชีวิตประจำวันหรือสิ่ง
แวดล้อมรอบตัว แต่การสอนให้เด็กรู้ เข้าใจ และใช้เสียงอย่างเหมาะสม
จะส่งเสริมให้เด็กมีชีวิตอย่างมีความสุข
การสอนเรื่องเสียงจะเป็นการเรียนรู้ได้ทั้งความเป็นวิทยาศาสตร์
คือธรรมชาติของเสียง ประเภทของเสียงที่อยู่รอบตัวเรา หรือ
การฝึกใช้เสียงในการสื่อสารในสังคม เช่นมารยาทของการเปล่งเสียง พูดจากัน
การใช้เสียงเพื่อความบันเทิง เช่นร้องเพลง เล่นดนตรี ฯลฯ
เรื่องเสียงจึงเป็นสาระการเรียนรู้ที่ช่วยพัฒนาชีวิตเด็กให้เจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพได้เป็น
เสียงธรรมชาติที่ทำให้เด็กๆตกใจ เกิดความหวาดกลัว คือเสียง ฟ้าร้อง
ฟ้าผ่า ครูควรเข้าใจสาเหตุของการเกิดเช่นนั้นว่า เสียงฟ้าผ่าเป็นเสียงที่เราได้ยินการสั่นสะเทือนของอากาศที่อยู่สูงขึ้นไปในก้อนเมฆ
ซึ่งเกิดจากการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เครื่องบินเจ็ทเป็นเครื่องบินที่เคลื่อนที่รวดเร็วมาก
บางครั้งจะเกิดการชนกับอากาศที่อยู่ข้างหน้า
ซึ่งกำลังสะเทือนอยู่แล้วจากเสียงของเครื่องบิน เสียงนั้นเดินทางเร็วอยู่แล้ว
แต่เครื่องบินเจ็ทบินเร็วกว่า
คนที่อยู่ข้างล่างจึงได้ยินเสียงที่ชนกันเหมือนเสียงระเบิดของอากาศดังลั่นไปหมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น